Tuesday, July 9, 2013

Shading หรือ การแรเงา

ก่อนจะเข้าเรื่องการ Shading โมขออธิบายคร่าวๆ เรื่องของ Make up base ก่อนละกันนะคะ ตอนแรกกะจะเขียนหัวข้อเรื่องนี้ แต่คิดไปคิดมา หลายๆ คนคงเข้าใจเรื่อง Make up base หรือการลงรองพื้นและการใช้ Corrector และ Concealer กันเยอะแล้ว เลยคิดว่าไม่เขียนดีกว่าเน้อะ

ถามว่า เราควรจะลง corrector ก่อนหรือหลังการลงรองพื้นกันล่ะเนี่ย ขอตอบว่า แล้วแต่ความถนัดและสภาพผิวของนางแบบค่ะ ส่วนตัวโมเองจะดูว่าถ้าสภาพผิวของนางแบบดีอยู่แล้ว มีรอยที่ต้องปกปิดไม่มาก โมก็จะเลือกลงรองพื้นไปก่อน แล้วค่อยมาเก็บรายละเอียดกับ corrector ทีหลัง แต่ถ้านางแบบสภาพผิวมีรอยสิว รอยคล้ำใต้ตา รอยแดง รอยกระ รอยแผลเป็น จุดด่างดำขนาดใหญ่ มาก ก็จะเลือกลง corrector ก่อน แล้วค่อยลงรองพื้นทีหลัง เป็นต้น

ถามอีกว่า อ้าว.. แล้วในกรณีที่จะต้องลงพวก primer ล่ะ? อันนั้นแล้วแต่กรณีไปค่ะ เพราะในทุกครั้งก่อนลงมือแต่งหน้าให้นางแบบ เราต้องทราบสภาพอากาศ ณ ขณะนั้น รวมไปถึงเราจะต้องพูดคุยกับนางแบบก่อนว่า สภาพผิวเป็นอย่างไร ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม ผิวแพ้ง่าย (อันนี้นางแบบต้องบอกล่วงหน้า เพราะเราจะได้เตรียมเมคอัพสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และต้องทราบด้วยว่าแพ้สารอะไร เป็นต้น) ผิวมันเราก็จะลง primer เพื่อเป็นการช่วยควบคุมความมันในระดับนึง แล้วจบการแต่งหน้าด้วย fixing spray เพื่อให้เครื่องสำอางติดทนนานยิ่งขึ้น ส่วนผิวแห้งนั้น การลง primer แทบจะไม่มีความจำเป็นเลย แต่หากผิวแห้งลอกต้องลง moisturizer หรือฉีด Thermal water spray ก่อน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า เป็นต้น

เข้าเรื่อง Shading กันเลยดีกว่า Shading หรือการแรเงา เทคนิคการ Shading ไม่ใช่เพียงเป็นการเพิ่มมิติให้แกใบหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ไขรูปหน้าให้สมส่วนอีกด้วย



จากรูปจะเห็นว่ามีจุดกระทบแสง และจุดเงา เหมือนกันการแต่งหน้า บนใบหน้าเราก็จะมีจุดกระทบแสงและจุดที่เป็นเงาอยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดที่มาของแสง ในที่นี้เราจะกล่าวถึงแสงปกติที่จุดที่มาของแสงส่วนใหญ่จะมาจากด้านบน 


มาดูจุดที่แสงกระทบบนใบหน้ากันดีกว่า (ขอใช้หน้าตัวเองนะคะ ร่องรอยอารยธรรมเยอะมาก อายจัง T_T) จุดที่เป็นรูปดาวโดยส่วนใหญ่ของหลายๆ คนแล้วคือจุดที่แสงมากระทบค่ะ






ส่วนการเฉดดิ้ง คือ การเพิ่มเงาเข้าไป เพื่อให้จุดเราที่ Highlight นั้น ชัดเจนมากขึ้น ช่างแต่งหน้าหลายๆ ท่านจึงนิยมลง Highlight ก่อนแล้วค่อยเฉดดิ้งทีหลัง การเฉดดิ้งมีความสำคัญมากในการแต่งหน้าถ่ายรูป เพราะแสงส่วนใหญ่จะมาจากด้านหน้า ซึ่งทำให้การเกิดแสงเงาบนใบหน้าน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย โดยเฉพาะการถ่ายรูปภาพขาวดำ การเฉดดิ้งนี้มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มต้นของการแต่งหน้าแล้ว นึกย้อนไปถึงภาพยนตร์ขาวดำ การถ่ายรูปภาพขาวดำ นำเทคนิคการเฉดดิ้งมาใช้แทบทั้งสิ้น แล้วโมจะหาเวลาแชร์เรื่องประวัติการแต่งหน้าและการแต่งหน้าในยุคต่างๆ นะคะ


โมใช้ Corrector เหล่านี้ในการปกปิดและเฉดดิ้งค่ะ เป็นยี่ห้อ Studio13 ของโรงเรียนที่โมเรียนค่ะ





หลักของการ Shading เราจะพูดถึงแนวตั้งและแนวนอน Shading แนวตั้งเพื่อให้หน้ายาวหรือเรียวขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้เทคนี้กับสาวหน้ากลม แก้มเยอะ เป็นต้น Shading แนวนอนเพื่อให้หน้ากว้างขึ้น เทคนิคนี้ใช้กับสาวแก้มตอบ หน้ายาว คางแหลม เป็นต้น




จากรูป ด้านซ้ายคือ Shade แนวตั้ง ส่วนด้านขวาคือ Shade แนวนอนค่ะ โดยแนวตั้งโมจะวัดจากจุดบนของหูที่เชื่อมกับศีรษะกับมุมปาก หรือบางคนจะดูดแก้มเข้าไปก็ได้ค่ะ รอยเดียวกัน ที่โมใช้วิธีนั้นก็เพราะบางทีไปแต่งหน้าให้นางแบบแล้วให้นางแบบดูดแก้มเข้าไป นางก็จะเขินๆ อายๆ บางคนแอบหลับก็ไม่อยากจะรบกวน อิอิ 

ส่วน Shade แนวนอน โมจะวัดจากส่วนบนของหูที่เชื่อมติดกับศีรษะกับปลายจมูกค่ะ






มองในลักษณะตรง...


พอจะเห็นความแตกต่างบ้างไหมเอ่ย ?? หน้าเหลี่ยมเชียว - -*



มาต่อกันด้วย Shade ข้างจมูก การ Shade ข้างจมูกที่ดีนั้น ตรงทำให้จมูกดูตรงและเรียวค่ะ ซึ่งเทคนิคนี้สามารถใช้ในการแก้ไขรูปจมูกที่ผิดรูป ใหญ่ หรือคดงอได้ดังนี้





อีกจุดนึงคือ เบ้าตาค่ะ เบ้าตาอยู่ตรงไหน ใครหาไม่เจอ ลองวิธีนี้ดูค่ะ




จากรูปด้านขวาจะสังเกตุว่า โมเขียนคิ้วต่างกัน(มั้ย?) คือ ด้านที่ Shade แนวตั้งก็จะเขียนคิ้วให้เฉียงหรือโก่งขึ้นรับกับแนวตั้ง ส่วนด้านที่ Shade แนวนอนก็จะเขียนคิ้วโค้งต่ำลงเพื่อให้รับกับแนวนอน


อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ คือ อะไรต้องการเน้นต้องการให้ดูใหญ่ขึ้นก็ Highlight มันซะ อะไรอยากให้เรียวอยากให้เล็กลง ก็ Shading มันซะ ง่ายๆ เท่านี้เอง



Before and After


หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่โมแชร์ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับสาวๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และหากมีคำแนะนำหรือติชม ก็ยินดีและเป็นพระคุณมากค่ะ












No comments:

Post a Comment